หมอนใบชา บ้านแม่กำปอง อำเมืองแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ |
บ้านแม่กำปองปางใน |
สถานที่ผลิต และ จำหน่ายหมอนใบชา |
ประวัติความเป็นมา
บ้านแม่กำปองใน อำเภอแม่ออน ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขามีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน และป่าไม้ที่สมบูรณ์ สภาพอากาศที่นี่จึงเย็นสบายตลอดปี บ้านแม่กำปอง หมู่บ้านเล็กๆ ก่อตั้งประมาณ 100 กว่าปี ประชากรส่วนใหญ่ อพยพมาจาก อ.ดอยสะเก็ด เพื่อเข้ามาทำสวนชาเป็นอาชีพ และตั้งบ้านเรือนบริเวณใกล้แม่น้ำลำห้วย ในสมัยก่อนมีดอกไม้ชนิดหนึ่ง ลักษณะดอกสีเหลืองแดง ขึ้นอยู่ตามริมแม่น้ำลำห้วย เรียกว่า ดอกกำปอง ดังนั้นชื่อของหมู่บ้าน จึงได้เรียกตามชื่อของดอกไม้รวมกับแม่น้ำ เป็น บ้าน-แม่กำปองชาวบ้านมีอาชีพปลูกเมี่ยง ทำไร่และทำส่วนกาแฟ
ใบชาหรือใบเมี่ยงในภาคเหนือได้มีการนำยอดชาออนมาทำเมี่ยงหรือนำยอดชาอ่อนมาทำชาแต่ใบชาแก่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ในอดีต ปัจจุบันกลุ่มหมอนสุขภาพใบชาได้เรียนรู้กระบวนการภูมิปัญญาท้องถิ่นจากบรรพบุรุษ เรื่องสรรพคุณของใบชาจึงได้นำใบชาแก่ที่รูดทิ้งมาอบแห้งในโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์แล้วมาผลิตเป็นหมอนใบชาไว้ใช้และจำหน่ายเพื่อเสริมรายได้ให้แก่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง
“ป้าวันเพ็ญ พรอินตา”(คณะกรรมการศูนย์ฯ)เล่าให้ฟังว่า “หมอนใบชา”เป็น-ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากใบเมี่ยงหรือใบชา ในเริ่มแรกนั้นทำเพื่อไว้ใช้ในครอบเรือนแต่ต่อมาเริ่มทำออกเพื่อจำหน่าย หลากหลายรูปแบบสีสันและ ลักษณะการใช้งานเพื่อที่จะขายให้กับนักท่องเที่ยว ที่แวะมาพักโฮมสเตย์บ้านแม่กำปอง และมาเที่ยวชมวัฒนธรรม วิถีชีวิตและธรรมชาติในหมู่บ้านแม่กำปอง
เอกลักษณ์/จุดเด่นของหมอนใบชา
มีความสวยงามและคงทน ใช้วัสดุที่มีคุณค่ามีคุณภาพ ในด้านการเย็บ เย็บเป็นพิเศษไม่มีใบชารั่วไหลออกมาและประณีตมาก รวมไปถึงบรรจุภัณต์ที่ดูแล้วน่าใช้
สถานที่ (ขั้นตอนขนส่งและบรรจุใบชาใส่ผ้ากาว)
วัดคันธาพฤษา |
ศาลาบริเวรวัดคันธาพฤษา |
สถานที่ ขั้นตอนการทำบรรจุภัณฑ์ (บ้านของชาวบ้าน)
บ้านแม่ลัดดา หนึ่งในวิทยากร |
ขนาดของหมอนใบชาโดยละเอียด
1. ขนาด 3x4 นิ้ว
2. ขนาด 4x7 นิ้ว
3. ขนาด 4x4 นิ้ว
4. ขนาด 5x9 นิ้ว
5. ขนาด 7x14 นิ้ว
6. ขนาด 9x20 นิ้ว
ประโยชน์ของหมอนใบชา
กลิ่นหอมของหมอนใบชา จะช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย คลายเครียดเมื่อนำมาหนุนนอนจะช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิต กลิ่นหอมของใบชาจะช่วยบรรเทารักษาโรค-หวัด และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจทำให้หายใจคล่องและยังสามารถระงับกลิ่นอับกลิ่นต่างๆ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นกาย และในที่ ที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น ในรถยนต์ ห้องแอร์ ห้องรับแขก ห้องนอน ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น และที่อื่นๆตามที่เราต้องการ และกลิ่นของใบชายังช่วยป้องกันแมลงได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง
ใช้ในที่แห้ง ไม่ให้โดนน้ำ เพราะถ้าหากโดนความชื้น จะทำให้ใบชาในหมอนหมดความหอมลง ถ้าหากเรานำหมอนใบชาไปตากแดดแล้ว กลิ่นหอมของใบช้าก็จะกลับมาหอมเหมือนเดิม
วัตถุดิบในการใช้ทำหมอนใบชา
1. ใบชาอบแห้งจากที่โรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ 100 เปอร์เซนต์
ใบชาอบแห้ง |
2. ไม้ยัดและถุงผ้ากาว
ถุงผ้าที่ใส่ใบชาเสร็จแล้ว และไม้ยัด |
3. ผ้าไหมจีน
ผ้าไหมจีนหลากสีและหลายลวดลาย |
อุปกรณ์ในการใช้ทำหมอนใบชา
1. ไม้ยัด
ไม้ยัด (ทางขาวของภาพ) |
2. เข็มกับด้าย
1. เข็ม 2. ด้าย |
3. ถุงกันเปื้อน(ผ้าหรือพลาสติก)
ถุงรองปากผ้ากาวระหว่างบรรจุใบชาอบแห้ง |
4. ถุงพลาสติกเอาไว้ห่อเพื่อจำหน่าย
ขั้นตอนการผลิต
1. เตรียมใบชาอบแห้งจากโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์
ขั้นตอนการขนใบชาลงจากรถ ซึ้งนำมาจากโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ |
ขยันขันแข็งกันทุกคนเลยนะครับ |
2. ตัดเย็บเป็นถุงขนาดต่างๆ
ตัวอย่างถุงขนาดต่างๆ(ถุงขนาดกลาง) |
3. นำใบชาที่อบแห้งด้วยแสงอาทิตย์แล้ว มาบรรจุลงในถุงผ้า
คุณยายรจนากำลังนำใบชาใส่ในถุงผ้าที่เตรียมไว้(ขวา) |
4. เย็บปิดปากถุง
คุณแม่ถนิมกำลังเย็บปิดปากหมอน(ใช้การเย็บสอยธรรมดาในการปิดปากถุง) |
คุณยายรจนากำลังเย็บปิดปากหมอนเช่นกัน |
5. การใส่ตัวปลอกหมอนชา บรรจุถุงใส่ฉลากวิธีใช้ ติดเทปกาวพร้อมจำหน่าย
การใส่ปลอกหมอน |
การใส่ปลอกหมอน |
การใส่ปลอกหมอน |
เคล็บลับการยัดปลอกหมอนให้ผ้าไม่แตก |
พร้อมจำหน่ายแล้วจ้าาาาา |
เทคนิค/เคล็ดลับในการผลิต
การใส่ฟองน้ำและผ้าดิบ 2 สองชั้นเป็นการป้องกันฝุ่นและใบชาเพื่อไม่ให้ไหลออกมา และมีเคล็ดลับอีกมากมายซึ้งติดตามได้ในคลิปวิดิโอที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้
การเดินทาง
การเดินทางไปเยี่ยมเยียนกลุ่มหมอนสมุนไพรใบชานั้น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ จ.เชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่โดยผ่าน อ.สันกำแพงระยะทาง 50 กิโลเมตร และห่างจากตัว อ.แม่ออน 20 กิโลเมตร และอีกเส้่นทางหนึ่งผ่าน อ.ดอยสะเก็ด เลี้ยงขวาตรงสามแยกโป่งดิน ระยะทาง 51 กิโล-เมตร ส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยางและเทคอนกรีต ดังนั้น สามารถเดินทางไปมา-ได้สะดวกสบายทุกฤดู และสามารถใช้พาหนะรถได้ทุกชนิด
ทุกวันนี้ต้นชาในป่ายังคงเจริญเติบโตไปพร้อมๆกับชาวบ้านแม่กำปอง ในป่าชายังคงเป็นแหล่งทำกินที่ก่อเกิดประโยชน์มากมาย ใช้ทำชาต่อไป ตราบใดที่ยังมีคนกินใช้ทำน้ำชาเพื่ออบอุ่นร่างกายในยามที่อากาศหนาวเย็นแผ่ซ้าน เข้ามาเยือนในตัวบ้าน ใช้ทำน้ำชาที่เป็นอาหารมื้อเย็นที่สุดแสนอร่อย และใช้ทำเป็นหมอนใบชาช่วยเสริมรายได้ให้กับครอบครัว ต้นชาจะไม่เป็นเพียงพืชเศรษฐกิจบนดอยสูงแต่จะเป็น พืชที่เชื่อมชีวิตและจิตใจของคน ในชุมชนให้อยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างมีความสุขและมองเห็นคุณประโยชน์ ของธรรมชาติจะได้ช่วยกันรักษาต่อไป